เขียนบทกวีกับสิริโสภณ

ฤาตะแบกไม่แตกต่าง

1.

สายฝนแรงแต่งแต้มให้แตกต่าง สายลมเติมต่อร่างอย่างใจฝัน

เป็นดอกดวงม่วงขาวพราวประชัน แต้มดวงตาตาวันเด่นตระการ

โดยผืนดินยินดีพลีร่างให้ โดยรากฝอยคว้าไขว่หาอาหาร

โดยใบกร้านแดดกร้าวมายาวนาน ดอกตะแบกจึงเบ่งบานให้ชื่นชม

ยืนทะนงตรงนี้เนิ่นนานแล้ว หยั่งรากแก้วชมชิดสนิทสนม

คลอคู่เคียงอาคารต้านฝนลม ผลิดอกใบร่วงพรมพร่างพราวพรู

2.

โต๊ะเก้าอี้ม้าหินอ่อนดูอ้างว้าง ขาดใครเคยเคียงข้างช่างหดหู่

เสาอาคารกร้านตาไม่น่าดู ลับลาแล้วทั้งหมู่พวกภมร

ลมฝนโบกโบยโชยเหน็บหนาว โอ้เจ็บปวดรวดร้าวเหนื่อยอ่อน

แสงแดดแรงแสร้งทาบทาไม่อาทร เหมือนเคืองขัดตัดรอนไร้เยื่อใย

ไร้รักหรือธานินทร์แผ่นดินนี้ ไม่มีที่พึงพาพออาศัย

เพียงแก่เฒ่าชราร่างฤาอย่างไร เหมือนเมินเห็นหัวใจใครร้าวราน

ตะแบกบานแล้วร่วงล่วงลาลับ หวนคืนกลับสู่ดินคืนถิ่นฐาน

ลมฝนเอยเคยพึ่งพามาเนิ่นนาน แม้นไม่สิ้นวิญญาณคงรอคอย

เพียงฝังฝากต้นหน่อรอฟ้าใหม่ ค่อยเติบโตเป็นต้นไม้ไว้ใช้สอย

สร้างสวนสุขรุกขชาติวิลาสลอย ชะลอสวรรค์เคลื่อนคล้อยลงสู่ดิน

สิริโสภณ

ด้วยอาลัยตะแบกหน้าอาคาร ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทกวีฤาตะแบกไม่แตกต่าง