นิราศลำปำ
นิราศลำปำจำไว้หนอ
สิบหกคนรถสองคันกระสันรอ
ฝ่าลออละอองหมอกออกเดินทาง
ยี่สิบหกกันยาเวลาถึง
เจ็ดโมงครึ่งเคร่งครัดไม่ขัดขวาง
สารพัดจัดแต่งดัวยแคลงคลาง
ยังห่วงนางนุชน้องจะหมองนวล
สายฝนรินฟ้าร้องเหมือนหมองหมาง
ดั่งเรียมร้างรักเร้าเศร้ากำสรวล
เห็นฝนหนักเบื้องหน้าพารัญจวน
นี่จะด่วนจากแล้วหรือแก้วตา
ถนนกว้างทางไปวิไลเหลือ
หากเป็นได้จะไปเรือเสียดีกว่า
จะได้ค้อยค่อยห่างจากนางมา
อาบน้ำตาอิ่มหนำจึงจำจร
คันข้างหน้าค่อยค่อยไปอย่าไวนัก
ขอเรียมพักรักช้ำทำใจก่อน
รถเร็วไปใจคนนั่งยังอาวรณ์
จะปรับนอนกลัวคอเคล็ดระเอ็ดระอา
เห็นทางโค้งป้ายแขวนไปแสนสุข
แต่พี่ทุกข์ท้อใจกระไรหนา
แสนสุขเอ๋ยเหมือนเคยจรแต่ก่อนมา
นับเวลาล่วงลิบยี่สิบปี
ถึงป่าบอนร่อนตาแลขวาซ้าย
สับปะรดเรียงรายขายที่นี่
เป็นร้านรวงน้อยน้อยเรียบร้อยดี
เช่นวิถีพอเพียงเยี่ยงคนไทย
เลี้ยวทางซ้ายหมายผ่านบ้านตะโหมด
ไม่รู้โสดเส้นทางจึงถามไถ่
เห็นขุนเขาเทาทึมทะมึนไกล
นึกหวั่นใจไม่ประสงค์จะหลงทาง
มีหมอกขาวพราวพรมห่มขุนเขา
ทะมึนเงาเงียบงามอร่ามขวาง
เขียวขุนเขาเทาเถื่อนที่เลือนลาง
ค่อยกระจ่างแจ่มตาคราละน้อย
โอ้ตะโหมดเมืองซ่อนสายหมอกสวย
แสนรุ่มรวยแมกไม้ไว้ใช้สอย
คณะเราต้องเลี้ยวกลับวิ่งทับรอย
ไม่ได้ถอยแต่เปลี่ยนทิศเพราะผิดทาง