นิราศลำปำ 4

เป็นนิราศร่วมรังสรรค์กลั่นจากจิต

ด้วยใกล้ชิดด้วยคิดถึงคะนึงหา

ฝากคำพร้อมพร่างรสพจนา

แทนถ้อยคำอำลามาจากทรวง

เพราะพรากไปไกลกันขวัญสลาย

*โอ้อาลัยใจหายไม่วายห่วง

ดังศรสักปักซ้ำระกำทรวง

สุดแสนห่วงอาลัยยามไกลกัน

เคยใกล้ชิดสนิทกันฉันน้องพี่

ต่อแต่นี้ดวงใจให้โศกศัลย์

เหลือแต่เพียงไมตรีจิตมิตรสัมพันธ์

ไม่มีวันเสื่อมคลายแม้นไกลตา

ทุกเช้าเย็นเคยเห็นหน้ามาไม่เห็น

เคยร่วมเป็นเพื่อนคุยด้วยช่วยปรึกษา

เคยส่งเสี่ยงสรวลเสร่วมเฮฮา

ต้องเปล่าตาหาไปใจอาวรณ์

เคยร่วมสอนกลอนนิราศพระบาทนั่น

ทั้งอิเหนาเสนาะฉันท์สรรอักษร

ร่วมทำงานนานมาเอื้ออาทร

วันจากจรจำลาน้ำตาพราย

บ้านน้ำน้อยไม่น้อยน้ำใจพี่

ทุกคนนี้ซึ้งใจนักรักเหลือหลาย

แก้วมังกรรสหวานล้ำจำไม่คลาย

เหมือนสานสายสัมพันธ์เราเนานิรันดร์

ขอพรองค์พระพิฆเนศวร์วิเศษศักดิ์

จงปกปักครอบครัวพี่มีสุขสันต์

อุดมด้วยโภคทรัพย์นับอนันต์

ครองคู่กันตราบสิ้นดินฟ้าเอย*

โอ้ลำปำน้ำป่าไม่มาหรือ

จึงยึดยื้อยอกใจใคร่เฉลย

บันดาลให้น้ำตาหลั่งหลังภิเปรย

ท่วมท้นแล้วแก้วเอ๋ยทั้งลุ่มน้ำ

กอบน้ำตาบ่ารินดื่มกินได้

คงพอใจลองลิ้มจนอิ่มหนำ

ประหนึ่งน้ำอมฤตรสจารจดจำ

ได้อิ่มล้ำลงล่วงถึงทรวงใน

* ความที่ขีดเส้นใต้ตัดตอนมาจากนิราศของสุนทรภู่

*.........*ผลงานของครูยุพา ฉัตรวีระโยธิน

และ ครูพรอุษาแก่นยะกูล

โน้นจันทร์เพ็ญเร้นหายไม่ให้เห็น

แฝงขุนเขาเข้าเร้นเป็นไฉน

แต่ครูเพ็ญเด่นตากว่าใครใคร

ขอพรให้สองพี่สุขทุกเวลา

ครูธนวดี พิชญาภรณ์มาก่อนแล้ว

เป็นผู้แผ้วถากถางทางก่อนหน้า

ถึงตัวนิดใจแม่น้ำเจ้าพระยา

เอ่ยโอภาปราศรัยด้วยใจรัก

จินดาเอ๋ยมาสู่ครูจินดาหนา

ดำเนินเรื่องเบื้องหน้ามาแน่นหนัก

ครูประคุณหนุนหลังน้อมจึงพร้อมพรัก

ครูชญานันท์นั่นเป็นหลักพักใจวาง

แสนสงสารครูพจนาน่าสงสาร

มาบริการต้อนรับได้ไม่ขัดขวาง

กลัวทะเลเหว่ว้ามาตามทาง

ไม่เหมือนอย่างผืนปถพีมีที่ยืน

อีกนิ่มน้อยวิลาวัลย์ขวัญคงหาย

แต่ยิ้มได้ยิ้มดีไม่มีฝืน

ยิงชัตเตอร์หนักแน่นแทนไกปืน

เก็บวันคืนประทับใจไม่รอรี

ไม่ได้คิดประดิษฐ์ถ้อยร้อยภาษา

พี่จึงจำเอ่ยอำลาหน้าถอดสี

แต่เท้าความตามจริงสิ่งที่มี

ว่าสุกี้พี่จัดให้ได้ข้อคิด

ต้องมาร่วมรวมใจให้เป็นหนึ่ง

สู่กี้จึงรัดร้อยอร่อยจิต

กินหม้อเดียวเกลียวสัมพันธ์นั้นแนบชิด

ตัดจริตแต่ละคนให้พ้นทาง

น้องพิมน้อยถ้อยวาจาแสนน่ารัก

พิมสลักแม้นแม่ไม่แหห่าง

เสียงจ๊ะจ๋าแจ่มแจ้วแล้วนวลปราง

นั่งแนบข้างคอยฟังคำดื่มด่ำใจ

เพราะมีทุกข์รุกร้นด้วยโรคหลาย

เพราะร่างกายอ่อนแอเกินแก้ไหว

หากขัดขืนฝืนความตามหัวใจ

รักษาได้แต่ลำบากแสนยากเย็น

เมื่อเกษียณราชการก่อนกำหนด

สมควรแก่อนาคตปรากฏเห็น

จะได้พักกายใจไม่ลำเค็ญ

ใช่หลีกเร้นหนีหายเพราะไร้รัก

ยังห่วงหวงคะนึงหากลุ่มสาระ

อยากพบปะอยู่ให้เห็นได้เป็นหลัก

แต่โรคร้อนรุมกายนั้นร้ายนัก

พี่ขอพักรักษากายให้บรรเทา

พี่แมวย้ำยังอยู่หนาบ้านน้ำน้อย

ประดิดประดอยคอยพบเพื่อนอยู่เรือนเหย้า

พี่สุเทพก็อยู่นั่นอีกนานเนา

ครอบครัวเราคงจะไม่ห่างไกลกัน

มีปัญหาภาษาไทยจะไปหา

ย้ายเข้ามาเป็นครูไทยได้ไหมนั่น

มีความคิดมีเรี่ยวแรงจะแบ่งปัน

ไม่ทิ้งหรอกยืนยันด้วยสัญญา

อุตส่าห์หาของขวัญกำนัลน้อง

ภาชนะเก็บของต้องรักษา

เหมือนความนัยให้เก็บฝันวันเวลา

ไว้ต่างหน้ายามคำนึงถึงน้ำใจ

แต่นิ่งนึกคะนึงถึงคนข้างหลัง

ผู้พลาดพลั้งด้วยเวลามาไม่ได้

พี่สุวรรณาก็หมายใคร่จะไป

ครูฉลวยก็ส่งให้ใจถึงกัน

ทั้งสองพี่นี่ก็จากพรากไปด้วย

เป็นสามศรีคนสวยจึงโศกศัลย์

ถึงจากไกลไม่สลัดตัดสัมสัมพันธ์

คงมีวันได้เห็นหน้าได้มาพบ

ครูพรทิพย์ครูจำเริญครูปวรชนัชญ์

คงข้องขัดงานจำเป็นใช่เร้นหลบ

ครูอภิรมย์ ครูจีรนัย ส่งใจครบ

ครูภรภัทรคงไม่จบงานสำคัญ

ดึกกำดัดไม่ได้นอนแต่ตอนค่ำ

เพราะร้องรำกันนานสานสุขสันต์

จบเพลงจากต่างจับหมอนเข้านอนกัน

ลมกระโชกฝนกระชั้นขวัญกระจาย

จึงวอนเรือให้รีบกลับรับไม่ไหว

ถอนสมอทันใดโอ้ใจหาย

ลาทะเลเหว่ว้าใจจะวาย

หลับเป็นตายบนนาวาที่ท่าเรือ

กรรมหรือไรใครเขาหลับกลับต้องตื่น

ถอนสะอื้นดังกลืนกรวดเจ็บปวดเหลือ

เห็นลางเลือนเดือนหงายได้จุนเจือ

เพราะไม่เผื่อพกยาหาหมอฟัน

ลาลำปำพร่ำบอกลาเพลาเช้า

ต่างสร้อยเศร้าเสดสามารับขวัญ

โบกมือลาเรือนำล่องต้องลากัน

จรจรัลผันหน้าหาเส้นทาง

เราหันเหเร่หาผ้า บาติกหมาย

ทำเครื่องแบบใส่สบายเตรียมไว้บ้าง

จนพอใจใส่พอเหมาะจำเพาะวาง

เป็นแบบอย่างเสื้อสาราภาษาไทย

แล้วมุ่งหน้าหาพระธรรมถ้ำสุมะโน

พึ่งธรรมะละโลโภโกรธหลงได้

ผ่านแพรกหาหาไม่พบประสบใคร

ต่างติดใจเลือกหาผืนผ้าทอ

โอ้แพรกหามาไกลใจเพรียกหา

ไม่เห็นมาหากันหวั่นจริงหนอ

ฤาจอมขวัญกัลยามานั่งรอ

ด้วยใจท้ออยู่ที่ร้านหลานตาชู

ตั้งแต่ชิมอิ่มแล้วไม่แลเห็น

เคี้ยวอาหารแค้นลำเค็ญเห็นกันอยู่

พี่สอดส่ายสายตาเพียรหาดู

หรือเธอรู้จึงหลบเร้นเป็นอย่างไร

ทะเลน้อยข้างหน้าผ่านมาเห็น

ไม่ยักเป็นอย่างคะเนทะเลใหญ่

เป็นบึงบัวเบิกบานหวานกระไร

แต่ปวดใจไม่มีนวลให้ชวนชม

เรื่องนิราศไม่อาจลองอย่างของเล่น

เพียงแต่เห็นอย่างครูผู้สร้างสม

จึงประพันธ์สรรความตามอารมณ์

ไม่แหลมคมพจนาอย่าถือความ

หากจะมีดีเด่นเช่นนิราศ

บรรจงวาดให้คนดีพี่ทั้งสาม

จงสุขศรีราสาสง่างาม

นิราศความทุกข์เข็ญเย็นชื่นกาย

เพื่อรับขวัญวันเวลาฟ้าสดใส

ทุกข์หทัยเบาบางจืดจางหาย

พระไตรรัตน์ขจัดภยันอันตราย

สุขสมหมายกายจิตเป็นนิตย์เอย

สิริโสภณ เป็นนามปากกาของนายโสภณ ฉิมพลีศิริ

ครูชำนาญการ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย